รถควันดำ เกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ซึ่งมาจากน้ำมันคุณภาพต่ำ การอุดตันของอากาศ อากาศที่เข้าไปไม่เพียงพอ ปั๊มหัวฉีดชำรุด หรือเครื่องยนต์ที่สึกหรอ และเมื่อเกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์เลยทำให้มีเขม่าควันออกมามาก พบได้บ่อยในรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซล โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นเก่าหรือใช้มานาน กรองอากาศ Hurricane ช่วยให้เครื่องจุดระเบิดได้สมบูรณ์ขึ้นด้วยอากาศที่ไหลผ่านได้ดี เราจึงมีวิธีแก้ปัญหาควันดำเบื้องต้นมาให้
1. เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะกำหนด
รถยนต์ที่ถูกใช้งานหนักควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะกำหนด แต่น้ำมันเครื่องมีหลายประเภท และแต่ละประเภทก็มีระยะเปลี่ยนไม่เท่ากัน เช่น
น้ำมันเครื่องธรรมดา(ปิโตรเลียม) ควรเปลี่ยนที่ระยะ 7,000-7,500 กม. ควรเปลี่ยนทุก 6 เดือน
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนที่ระยะ 10,000-15,000 กม. ควรเปลี่ยนทุก 6-9 เดือน
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ ควรเปลี่ยนที่ระยะ 15,000-20,000 กม. ควรเปลี่ยนทุก 1 ปี
ถ้าครบตามเดือนแล้วหรือครบตามเลขกิโลเมตรแล้วควรเปลี่ยนเลย สรุปจากระยะที่ควรเปลี่ยนถ่ายตามข้อมูลของ กรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน
2. ทำความสะอาดไส้กรองอากาศ
ไส้กรองอากาศเมื่อใช้มาเป็นเวลานานจะทำให้เกิดการอุดตันของฝุ่น สิ่งสกปรก ควรหมั่นล้างทำความสะอาด ไส้กรองอากาศมีปลายประเภทวิธีการล้างไม่เหมือนกัน เราจึงมีวิธีล้างไส้กรองแต่ละประเภทมาให้
กรองอากาศกระดาษ
นำแปรงที่เตรียมไว้ ปัดฝุ่น สิ่งสกปรก ออกจากกรองอากาศให้หมด กรองอากาศกระดาษไม่ควรนำออกมาล้าง มีอายุสั้นควรใช้แล้วทิ้ง
กรองอากาศกระผ้าใยสังเคราะห์
ฉีดน้ำยาล้างกรองอากาศ หรือ น้ำยาล้างจาน ฉีดทั่วทั่วกรองอากาศ จากนั้นปล่อยไว้ประมาณ 20 นาที
พอครบ 20 นาทีแล้ว ล้างน้ำสะอาดจากด้านในไปด้านนอกก่อนจนกว่าน้ำยาจะหมด
เมื่อล้างด้วยน้ำสะอาดเรียบร้อยแล้ว ให้นำไปตากแดดให้แห้ง ย้ำว่าต้องแห้งจนไม่มีละอองน้ำอยู่ หากมีน้ำยาเคลือบกรองอากาศก็สามารถนำออกมาพ่นให้ทั่วได้เลย โดยทิ้งไว้ให้แห้งอีกครั้ง
กรองอากาศสแตนเลส
นำไส้กรองมาแช่น้ำเปล่าหรือล้างน้ำเปล่าด้วยสายยาง
จากนั้นนำแปรงสีฟันขนอ่อนมาขัดให้สะอาด (งดการใช้แปรงลวด) หรือใช้เครื่อง High Pressure (เครื่องใช้ล้างรถ) ก็ได้เช่นกัน
เมื่อสะอาดแล้วจึงนำไปล้างน้ำเปล่า และผึ่งลมให้แห้ง (ไม่แนะนำให้ตากแดดจัด)
ระหว่างการใช้งานกรองอากาศถ้ายังไม่ถึงเวลาเปลี่ยน ควรกำจัดฝุ่นละอองที่ไส้กรองอากาศกักไว้ เพื่อให้สามารถดักจับฝุ่นใหม่ได้ ด้วยวิธีเป่าหรือล้าง ทุกๆประมาณ 5,000 กม. หรือถ้าเป็นไปได้ ทุกเดือนยิ่งดี
3. ตรวจเช็คหัวฉีดน้ำมัน
หัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงสกปรกหรืออุดตัน เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ต้องรีบแก้ไข เพราะอาจสร้างปัญหาทำให้รถยนต์ มีกำลังเครื่องยนต์ตกทำให้เร่งเครื่องไม่ขึ้นและเครื่องยนต์สั่นหรือกระตุกขณะขับขี่ได้ อีกทั้งยังทำให้รถยนต์กินน้ำมันมากกว่าปกติอีกด้วย
อาการหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงสกปรกหรืออุดตัน
เครื่องยนต์กระตุกหรือขับไม่นุ่มนวล เกิดจากการที่น้ำมันไม่เพียงพอไปยังเครื่องยนต์ ซึ่งส่งผลต่อการหมุนรอบต่อนาที (RPM) ทำให้ต่ำกว่าระดับที่ดีที่สุดเมื่อหยุดอยู่กับที่ ส่งผลให้รถเกิดการกระตุกหรือขับไม่นุ่มนวล นอกจากนี้เครื่องอาจดับเองได้ถ้า RPM น้อยเกินไป
เครื่องยนต์สั่น เกิดจากการที่หัวฉีดชำรุดด้านหนึ่งทำให้เครื่องยนต์ไม่ได้รับน้ำมัน ทำให้กระบอกหัวฉีดไม่ทำงาน ส่งผลให้รถยนต์กินน้ำมันมากกว่าปกติ ซึ่งการสั่นนั้นเกิดจากหัวฉีดและยังส่งผลไปกับเครื่องยนต์ส่วนอื่น ๆ ด้วยอีกเช่นกัน
น้ำมันรั่ว เกิดจากการที่หัวฉีดเก่า มีรู หรือเสีย ซึ่งเราสามารถเห็นรอยน้ำมันบนพื้นผิวของหัวฉีดหรือท่อน้ำมันได้ นอกจากนี้เรายังสามารถได้กลิ่นน้ำมันรั่วออกมา
4. ล้างคราบเขม่าที่ตกค้างในท่อไอเสีย
การดูแลท่อไอเสีย ช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างราบรื่น ป้องกันการเกิดสนิมอีกด้วย การทำความสะอาดท่อไอเสียเป็นประจำช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม วิธีการล้างมีดังนี้
เตรียมอุปกรณ์
อุปกรณ์ถือเป็นสิ่งสำคัญในการล้างทำความสะอาด เช่น ถุงมือ ถังใส่น้ำและสบู่ ผ้าหลายผืน แปรงขัด น้ำยาขจัดคราบมัน น้ำยาขัดเงาโลหะ
ทำความสะอาดท่อไอเสีย
ใช้สบู่และน้ำทำความสะอาดท่อด้านนอกด้วยผ้า จากนั้นใช้แปรงขัดทำความสะอาดท่อด้านใน วิธีนี้จะช่วยขจัดคราบสกปรก คราบควันที่ตกค้างอยู่ในท่อไอเสีย
ทาน้ำยาขจัดคราบมัน
ใช้ผ้าผืนใหม่ ทาน้ำยาขจัดคราบมันที่ด้านในและด้านนอกของท่อไอเสีย สารนี้จะช่วยให้สนิมและตะกอนคาร์บอนที่ตกค้างละลายออกไป ปล่อยตามเวลาที่ระบุไว้ของน้ำยาขจัดคราบมัน
ขจัดคราบไขมัน
นำแปรงขัดคราบไขมันออกในด้วยการถูเป็นวงกลมเล็กๆไปเรื่อย ๆ หากท่อไอเสียได้รับการละเลยมาเป็นเวลานานอาจจะต้องทำข้อ 3 ใหม่อีกครั้ง
ลงน้ำยาขัดเงาโลหะ
ลงน้ำยาขัดเงาโลหะทั้งด้านใน และ ด้านนอก โดยใช้แปรงหรือผ้า ทิ้งไว้ตามฉลากในผลิตภัณฑ์
ขัดเงา
ขัดเงาออกจะได้ท่อที่สะอาดและเงางาม
5. ซ่อมแซมเครื่องยนต์ที่ชำรุดหรือสึกหรอ
โดยปกติแล้วเวลาใช้รถไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเนื่องจากการใช้งานเครื่องยนต์นั้นจะมีการเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา อย่าง กระบอกสูบ ลูกสูบ และแหวนสูบมีการเสียดสีกันอยู่ตลอดเวลา การเสียดสีพวกนี้ก็จะทำให้เกิดเศษโลหะที่ไหลเข้าไปในน้ำมันเครื่องทำให้เกิดควันดำออกจากท่อนั้นเอง
เมื่อพบว่าเครื่องยนต์ชำรุดหรือสึกหรอ ควรนำรถเข้าศูนย์โดยเร็ว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะเมื่อปล่อยทิ้งไว้อาจจะไม่ได้มีแค่ปัญหาควันดำ อาจทำให้ประสิทธิภาพในการใช้รถเสื่อมลงไปด้วย
เพียงเท่านี้ก็แก้ปัญหารถควันดำได้แล้ว แต่เราก็ต้องหมั่นตรวจเช็ครถยนต์อยู่ตลอด ยิ่งรถยนต์ที่ใช้นานมากแล้วอาจเสื่อม สภาพตามกาลเวลา ควรบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อยืดอายุรถยนต์ของคุณได้