รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) หรือที่เรียกกันว่ารถ EV คือรถยนต์ที่ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้า 100% เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดมลพิษ และยังประหยัดค่าใช้จ่ายเพราะสามารถติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้านหรือชาร์จตามปั๊ม ราคาการชาร์จต่อครั้งถูกกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน การดูแลรถยนต์ไฟฟ้า ควรเช็ครถยนต์ไฟฟ้าตามระยะเวลาที่กำหนดคือ 10,000 กิโลเมตร หรือราวๆ 6 เดือน
การดูแลรถยนต์ไฟฟ้าเบื้องต้น มีดังนี้
1. ตรวจสอบแบตเตอรี่
ควรระวังเรื่องของความชื้นที่เกิดขึ้นเวลาฝนตก ทำให้แบตเตอรี่ขัดข้องและมีอายุการใช้งานที่สั้นลง นอกจากนี้ยังไม่ควรชาร์จแบตเตอรี่ทิ้งไว้นานจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการสึกหรอ และไม่ควรใช้จนแบตใกล้หมดเพราะแบตเตอรี่จะมีการเสื่อมสภาพ อาจทำให้รถยนต์ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
วิธีการตรวจเช็คว่าแบตเตอรี่เสื่อม
- เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่นานกว่าเดิม
- ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100 % เร็วกว่าปกติ
- เมื่อมีการใช้รถแบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นกว่าปกติ
- รถยนต์มีประสิทธิภาพในการใช้งานแย่ลง
2. ตรวจสอบมอเตอร์
มอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้าไม่จำเป็นต้องดูแลมาก ไม่เหมือนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันที่ต้องหมั่นดูแลในเรื่องของน้ำมันเครื่องและส่วนอื่น ๆ แต่ก็ควรตรวจเช็คที่ศูนย์บริการตามระยะเวลาที่กำหนด
3. ตรวจสอบอุปกรณ์ชาร์จ
ควรเลือกใช้อุปกรณ์ชาร์จไฟที่ได้มาตรฐานและผ่านการรับรองว่ามีความปลอดภัยในระบบป้องกันประกายไฟ รวมถึงไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งส่วนมากมักจะใช้อุปกรณ์ชาร์จที่ได้มาตอนซื้อรถไฟฟ้ากันส่วนใหญ่
4. ของเหลวต่าง ๆ
รถยนต์ไฟฟ้าแน่นอนว่าชิ้นส่วนบางอย่างยังใช้เหมือนกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันอยู่ แต่ไม่มีน้ำมันเครื่อง ของเหลวที่อยู่ในรถยนต์ไฟฟ้า ได้แก่ น้ำยาหล่อเย็น น้ำมันเบรก น้ำสำหรับฉีดกระจก เพราะฉะนั้นควรตรวจสอบให้ของเหลวอยู่ในระดับปกติ
5. ตรวจสอบยางรถยนต์
การดูแลยางของรถยนต์ไฟฟ้าเหมือนกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน อายุการใช้งานยางอยู่ที่ 2 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร ต้องคอยตรวจเช็คลมยางอยู่เสมอ เพราะถ้าลมยางอ่อนหรือแข็งจนเกินไป อาจทำให้ล้อรถเสื่อมสภาพเร็วกว่ากำหนด
6. ควรจอดรถไว้ในที่ร่ม
เมื่อจอดรถตากแดดนานเกินไป ระบบจัดการความร้อนภายในรถไฟฟ้าจะตอบสนองและทำงานหนัก อาจส่งผลเสียให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่ากำหนด
การดูแลรถไฟฟ้าเบื้องต้นเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกๆ ระบบในรถไฟฟ้าควรได้รับการตรวจสอบและบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้รถไฟฟ้ามีประสิทธิภาพในการทำงานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน